ท้าวศรีสุดาจันทร์

“ท้าวศรีสุดาจันทร์” คบชู้ ลอบสังวาสกับข้าหลวงในวัง ยกตำแหน่งให้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน?

“ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ” เป็นหนึ่งใน พระสนมเอก ที่เรียกได้ว่ามีรูปร่างหน้าตาสวยงามใน “ สมเด็จพระไชยราชาธิราช ”
กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาหลายคนน่าจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของท้าวศรีสุดาจันทร์อยู่บ้าง เพราะเป็นสตรีที่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์
จนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ อย่างใน “ สุริโยไท ” ( 2544 ) และ “ กบฏท้าวศรีสุดาจันทร์ ” ( 2548 )

แต่รู้หรือไม่ว่า “ พระสนมเอก ” รูปงามคนนี้คบชู้ ลักลอบสมัครสังวาสข้าหลวงในวัง และยกตำแหน่งให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินในเวลาต่อมา

หลังจากที่ “ สมเด็จพระไชยราชาธิราช ” ขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดากับพระมเหสี แต่มีพระโอรสกับท้าวศรีสุดาจันทร์
พระนามว่า “ พระยอดฟ้า ” หรือบางแห่งกล่าวขานว่า “ พระแก้วฟ้า ”
( ในหนังสือเล่มนี้ระบุถึงพระราชโอรสเพียงองค์เดียว แต่หลักฐานอื่น ปรากฏว่ามี 2 พระองค์ อีกพระองค์หนึ่งคือ พระศรีศิลป์ )

ทว่าสมเด็จพระไชยราชาธิราชอยู่ในพระราชสมบัติได้ 12 ปี (พ.ศ. 2077-2089) ก็เสด็จสวรรคต

เมื่อเป็นเช่นนี้ พระยอดฟ้าจึงขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา แต่ด้วยยังทรงพระเยาว์ ท้าวศรีสุดาจันทร์ (ขณะนั้นเป็นพระราชชนนี) ก็มีหน้าที่ว่าราชการภายในราชสำนัก ส่วนกิจการบ้านเมืองทั้งหลายก็ได้ “พระเฑียรราชา” พระเจ้าอาของพระยอดฟ้าว่าราชการแทน แต่ผ่านไปไม่นาน พระเฑียรราชาก็ทรงออกจากตำแหน่งและไปผนวช

ต่อมาเรื่องร้ายแรงก็เกิดขึ้นในราชสำนัก เพราะท้าวศรีสุดาจันทร์ลักลอบสมัครสังวาสกับ “ พันบุตรศรีเทพ ” “ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ” มีพระเสาวนีย์สั่งพระยาราชภักดี ให้พันบุตรศรีเทพ จากเดิมที่เป็นข้าหลวง ให้เลื่อนตำแหน่งกลายมาเป็น “ ขุนชินราช ” รักษาหอพระข้างใน และต่อมากลายมาเป็น “ขุนวรวงศาธิราช”

ตอนนั้น หากใครไม่ยอมเข้าเป็นพวกตน พระนางก็จะรับสั่งให้สังหารหรือให้ออกจากตำแหน่ง ยิ่งทำให้ “ ขุนวรวงศาธิราช ” มีอำนาจเพิ่มมากขึ้นไปอีก

ในที่สุดท้าวศรีสุดาจันทร์ก็ทรงครรภ์ จึงทำให้พระนางหมายจะให้ขุนวรวงศาธิราชเป็นผู้สำเร็จราชการแทน โดยให้เหตุผลว่า “พระยอดฟ้าโอรสเรายังเยาว์นัก สาละวนแต่จะเล่น จะว่าราชกิจการแผ่นดินนั้น เห็นเหลือสติปัญญานัก อนึ่งหัวเมืองฝ่ายเหนือเล่ามิปกติ จะไว้ใจแก่ราชการมิได้